ย้อนกลับไปถึงสาเหตุที่ลิเวอร์พูลต้องการตัว ไรอัน กราเวนเบิร์ช มาเสริมทีม
ย้อนกลับไปช่วงตลาดซื้อขายฤดูกาล 2021-22 ไรอัน กราเวนเบิร์ช ตกเป็นข่าวย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล อย่างหนักหน่วงหลัง ไมเคิล เอ็ดเวิร์ด ผู้อำนวยกีฬาในสมัยนั้นได้เฝ้าติดตามฟอร์มการเล่นของเขาอย่างใกล้ชิดเพื่อรอ ยื่นข้อเสนอซื้อในฤดูกาล 2022-23
จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาเขาเลือกเก็บกระเป๋าย้ายจาก อาแจ๊กซ์ ไปยัง บาเยิร์น มิวนิค ส่วนสาเหตุที่ ลิเวอร์พูล อยากได้ กราเวนเบิร์ช มาร่วมทีมตั้งแต่อายุ 20 ปี นั่นก็เพราะว่าสไตล์การเล่นของเขาตอบโจทย์ฟุตบอลสปีดแบบรวดเร็วของกุนซือ เจอร์เกน คล็อปป์
โดยแข้งชาวดัตช์มีจุดเด่นที่ไปกับบอลได้ดี เอาตัวรอดในได้ดี และสามารถรับบอลแล้วขึ้นเกมรุกต่อได้ทันที อีกทั้งด้วยส่วนสูง 190 เซนติเมตร แต่กลับทดแทนด้วยความคล่องตัวและการจ่ายบอล ทำให้เขาได้เปรียบทั้งในด้านเกมรุก เกมรับ และความสมดุลในคนเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม 1 ฤดูกาลกับ “เสือใต้” เขาแทบไม่ได้แจ้งเกิดเมื่อมีโอกาสลงสนามในลีกไป 24 นัด และเป็นตัวจริงแค่ 3 นัด ซึ่งในระบบ 4-2-3-1 ของกุนซือ โธมัส ทูเคิ่ล เขาเป็นตัวแบ็กอัพของ โจชัว คิมมิช, จามาล มูเซียลา และ ลีออน โกเรทซ์ก้า ซึ่งแน่นอนว่า 3 คนนี้เล่นด้วยกันมานานหลายปีแล้ว จึงไม่แปลกที่เขาจะหนักไปที่ม้านั่งสำรอง นั่นทำให้คนเก่งอย่างเขากระหายอยากลงสนามสุดขีด
โอกาสของ ไรอัน กราเวนเบิร์ช กับ ลิเวอร์พูล
หากถามว่าเขาเหมาะกับระบบ 4-3-3 ของลิเวอร์พูลหรือไม่? คำตอบคือเล่นได้สบาย ๆ แต่ทว่าจากที่เรากล่าวสไตล์การเล่นของเขาไปข้างต้น ก็หมายความว่ากราเวนเบิร์ช เหมาะเล่นเป็นกองกลางเชิงบ็อกซ์ทูบ็อกซ์มากกว่า แม้ว่าเขาสามารถถอยลงมาเล่นกลางรับได้ก็ตาม และถ้าดูจากผังการยืน 11 ตัวจริงของ คล็อปป์ ในฤดูกาลนี้พบว่า ไรอัน กราเวนเบิร์ช อาจยืนเป็นกองกลางตัวกลางโดยมี โซบอสซ์ไล กับ แม็ค อัลลิสเตอร์ คอยประกบข้าง
จึงหมายความว่า วาตารุ เอ็นโด ที่จองสัมปทานมาก่อนก็มีโอกาสลดบทบาทไปเป็นตัวสำรองแม้ว่าจะเป็นกองกลางตัวรับธรรมชาติกว่ากราเวนเบิร์ช แต่ทั้งนี้ ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่า เขาจะมาถึงแล้วเบียดตัวจริง เอ็นโด ได้เลย
ซึ่งการมาของเขาจะทำให้ ลิเวอร์พูล มีตัวเลือกผู้เล่นตำแหน่งกองกลางที่หลากสไตล์มากขึ้น อันประกอบด้วย เอ็นโด-กลางรับ / โจนส์, เอลเลียตต์-กลางรุก / ติอาโก้, บายเซติช-กลางตัวออกบอล / โซบอสซ์ไล, แม็ค อัลลิสเตอร์, กราเฟนเบิร์ช-บ็อกซ์ทูบ็อกซ์
สรุปได้ว่า ลิเวอร์พูล มีแต่ได้กับได้ถ้าหากคว้า ไรอัน มาร่วมทีมเพราะเขาคนเดียวสามารถซัพพอร์ตกองกลางได้หลายรูปแบบเพราะสถิติฤดูกาล 2022-23 ที่ผ่านมาบ่งบอกว่าเขาคือแข้งสายสมดุลของจริง ซึ่งเขาสามารถสร้างโอกาสได้ 8 ครั้ง, เลี้ยงบอล 17 ครั้ง, เข้าปะทะ 17 ครั้ง, เคลียร์บอล 10 ครั้งและสกัดบอล 9 ครั้ง ดังนั้น แฟน ๆ “หงส์แดง” สบายใจได้เลยว่า กราเฟนเบิร์ช จะลงล็อกกับทีมอย่างแน่นอนในไม่ช้าก็เร็ว เหลือเพียงแค่ว่าเขาจะคว้าโอกาสใหม่กับ “หงส์แดง” ได้หรือไม่
บล็อกข่าวรายวัน ย้อนกลับไปถึงสาเหตุที่ลิเวอร์พูลต้องการตัว ไรอัน กราเวนเบิร์ช มาเสริมทีม
ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง